BACK TO EXPLORE

12 ปีแห่งความประทับใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Jim Thompson

ก่อนเดินหน้าเป็นลักชัวรี่แบรนด์ระดับโลกแห่งแรกจากประเทศไทย

ระยะเวลากว่า 69 ปี หากพูดถึงแบรนด์ “Jim Thompson” แน่นอนว่าทุกคนรู้จักกันดีว่าเป็นแบรนด์สินค้าผ้าไหมไทยสุดหรูที่โดดเด่นด้วยการนำความเป็นไทยมาถ่ายทอดลงสู่การออกแบบสินค้าต่างๆ นำพาให้อุตสหากรรมแฟชั่นไทยนั้นเติบโตไปไกลและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างดี ในวันนี้ Jim Thompson กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในการพาแบรนด์เข้าสู่การเป็นลักชัวรี่แบรนด์แห่งแรกจากประเทศไทยและจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอีกครั้ง




กว่าที่จะก้าวมาสู่จุดนี้ได้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง วันนี้เราจะมาคุยกับ คุณอ้วน- ชุติมา ดำสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรของแบรนด์ Jim Thompson ที่จะมาแชร์มุมมองต่างๆ รวมทั้งเรื่องราวที่ผ่านมาของ Jim Thompson กับการตัดสินใจเปิดแฟล็กซ์ชิปสโตร์ ที่จะเป็นต้นแบบแฟล็กซ์ชิปสโตร์ทั่วโลกแห่งแรกขึ้น พร้อมเผยความประทับใจที่มีต่อสยามพารากอนกับให้เราได้ฟังกัน



ไม่เพียงแต่มีธุรกิจผ้าไหมที่โดดเด่น แต่เชื่อว่าหลายๆ ท่านที่เคยไปยังบ้าน Jim Thompson ที่สุรวงศ์ น่าจะทราบดีว่า Jim Thompson นั้นยังมีธุรกิจร้านอาหารอยู่หลายสาขาด้วยเช่นกัน   ทั้งยังมีความโด่งดังในเรื่องของอาหารไทย อาหารนานาชาติ พร้อมกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ สร้างความอิ่มเอมไปกับบ้านทรงไทยได้ดี รสชาติของอาหารไทยคาวหวานนั้นขึ้นชื่อมากมาย หากใครเคยไปรับประทานที่ร้านมาบ้าง คงจะติดใจในรสชาติข้าวแช่ (หมูหวาน) ข้าวเหนียวมะม่วง แกงเผ็ดเป็ดย่างแน่ๆ ว่าแต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า จากธุรกิจผ้าไหมมาสู่การทำร้านอาหาร Jim Thompson มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง?

“ธุรกิจร้านอาหารของ Jim Thompson มีมาแล้วประมาณ 15 ปีก่อน จุดเริ่มต้นมาจากร้านที่สาขาสุรวงศ์ ซึ่งเกิดจากโอกาสที่มองเห็นเวลาลูกค้ามาช้อปปิ้ง คุณภรรยาช้อปปิ้ง คุณผู้ชายก็จะนั่งพัก เวลานั่งก็อยากจะหาเครื่องดื่มมาดื่มคู่กับการรับประทานอาหารทานเล่นบ้าง ทานจริงบ้าง เลยทำให้เกิดเป็นคอฟฟี่ช้อปขึ้นที่สุรวงศ์ ต่อมาก็เกิดร้านอาหารที่บ้าน Jim Thompson ซอยเกษมสันต์ 2 โดยส่วนหนึ่งเกิดจากเจตนารมณ์ของบริษัท ตัวนายห้าง Jim Thompson เองด้วยค่ะ ซึ่งท่านเป็นคนที่มีแพสชั่นในเรื่องของการเอนเทอร์เทน เรื่องของการการดื่มอยู่ และชอบจัดเลี้ยงอาหารให้กับพนักงานที่บ้านจิมอยู่บ่อยๆ ธุรกิจของ Jim Thompson ในเรื่องของร้านอาหาร จึงถูกทำควบคู่มากับธุรกิจหลัก ซึ่งเป็นสินค้าผ้าไหมมาโดยตลอด ทำแล้วมันก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ”



ได้ทราบจุดเริ่มต้นเกี่ยวกับร้านอาหาร Jim Thompson มาบ้างเล็กน้อยแล้ว เรามาถามคุณอ้วน เกี่ยวกับธุรกิจผ้าไหมหลักของ Jim Thompson กันบ้างดีกว่า จำได้ว่าในอดีตนั้น Jim Thompson จะมีหน้าร้านอยู่ตามโรงแรมห้าดาวต่างๆ แต่ปัจจุบันเราสามารถเดินทางไปยังร้าน Jim Thompson ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนได้แล้ว แถมเมื่อล่าสุดช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งมีการเปิดตัวแฟล็กซ์ชิปสโตร์ที่เกิดจากการทำร้านที่สยามพารากอนใหม่ผ่านพ้นไป ซึ่งร้าน Jim Thompson นั้นก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่เรียกได้ว่าเคียงข้างกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดสยามพารากอน 12 ปีเลยทีเดียว ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมานั้น มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างไหมคะ?

“การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของ Jim Thompson ต้องถือว่าเป็นปีนี้ค่ะ ในปีนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการทำให้แบรนด์เข้มแข็ง แข็งแรงขึ้น การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยในช่วงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เราเริ่มปรับภาพลักษณ์ของเราให้เป็นไปตามภาพลักษณ์ใหม่ของ Jim Thompson ที่เรากำลังดำเนินการ ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องของ Architecture การตกแต่งภายในร้านเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการ Communication ต่างๆ และตัวสินค้าของเราเองก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยเราใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนในการทำร้านใหม่ที่สยามพารากอนให้กลายเป็นแฟล็กซ์ชิปโสตร์แห่งแรกของ Jim Thompson ซึ่งจะกลายเป็นต้นแบบที่ไปเป็นแฟล็กซ์ชิปสโตรให้กับ Jim Thompson ทั่วโลก เช่น ลอนดอน ฝรั่งเศส เป็นต้น”



“ที่สยามพารากอนจะเป็นแฟล็กซ์ชิปสโตร์แห่งแรกในไทยและจะเป็นต้นแบบที่ไปเป็นแฟล็กซ์ชิปสโตร์ให้กับ Jim Thompson ทั่วโลก”  แค่ได้ฟังประโยคนี้จากคุณอ้วน สร้างความรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจที่ Jim Thompson จะเป็นแบรนด์แรกจากประเทศไทยก้าวไปเป็นแบรนด์ลักชัวร์รี่ระดับโลก เชื่อว่าทุกคนคงอยากทราบว่าแฟล็กซ์ชิปสโตร์ที่สยามพารากอน ที่จะไปปรากฏยังร้านสาขาต่างประเทศอื่นๆ ด้วยนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้คุณอ้วนได้เล่าว่า…

“จุดเด่นของร้าน Jim Thompson ที่ทำใหม่ เกิดจากความตั้งใจปรับภาพลักษณ์ให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ใหม่ของ Jim Thompson ค่ะ ซึ่งเราได้ใช้ทีมที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ทั้งสถาปนิกและครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Jim Thompson ที่เป็นชาวฝรั่งเศส โดยได้แรงบันดาลใจในการออกแบบตกแต่งมาจากพิพิธภัณฑ์บ้าน Jim Thompson เพราะว่าเป็นบ้านของนายห้าง Jim Thompson ผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งหากใครเคยมีโอกาสได้เข้าไปที่บ้าน Jim Thompson จะเห็นได้ว่าภายในนั้นแบ่งสัดส่วนไว้ชัดเจน ภายในแฟล็กซ์ชิปสโตร์เองก็เช่นกัน



เมื่อเข้ามาก็จะเห็นแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือส่วน Garden มีต้นไม้สีเขียวตกแต่งภายใน และก็จะมีเสียงของสัตว์ต่างๆ เป็นเสียงของนก เสียงของช้าง เสียงของควาเป็นป่า เหมือนเวลาเราไปบ้าน Jim Thompson ที่จะได้เจอส่วนของสวนก่อน สินค้าที่อยู่ในส่วนนี้ก็จะเป็นสินค้า Accessories กระเป๋า ผ้าพันคอ ของเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเดินต่อไปในส่วนที่ 2 นั้นจะเป็นส่วนที่เรียกว่า Alcove จะเป็นส่วนของสินค้า Ready to wear ค่ะ ก็เหมือนเราเดินเข้าไปในบ้าน Jim Thompson แล้ว การตกแต่งก็จะเป็นในส่วนของไม้ มีอะไรที่บ่งบอกถึงความเป็น Southeast Asia ความเป็นไทยมากขึ้นนะคะ ลูกค้าก็จะมีความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น เหมือนเราลองเสื้อผ้าในบ้านตัวเอง เสียงเพลงในร้านก็จะเป็นเสียงของความเป็นไทยมากขึ้น เป็นเพลงที่ถูกเรียบเรียงใหม่ให้มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และคอนเซ็ปต์นี้ก็จะถูกนำไปใช้ในคอนเซ็ปต์ร้านอื่นๆ ในต่างประเทศด้วยเช่นกัน ในส่วนของการปรับภาพลักษณ์ใหม่ของ Jim Thompson นี้ ก็เพื่อที่เราอยากจะเป็น Luxury Brand ที่มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งร้านก็จะค่อยๆ พัฒนา และการเริ่มต้นที่สยามพารากอนก่อนเป็นที่แรกก็จะสิ่งที่ดีมาก เพราะเราเชื่อว่าว่าทุกคนจะรู้ว่า Jim Thompson นั้นมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์นะเพราะสยามพารากอนนั้นมี Traffic ที่ดี และมี Communication ที่ดีด้วยเช่นกัน”





คุณอ้วนเล่าว่า ร้าน Jim Thompson แฟล็กซ์ชิปสโตร์นี้ ใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงร้านประมาณ 2 เดือน แต่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำมาซึ่งสัญญานที่ดีในการเดินหน้าเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ในอนาคต และยังมีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นอีกด้วย

“หลังจากการที่เราปรับภาพลักษณ์ร้านของเราใหม่ ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เป็นสัญญานที่ดีของ Jim Thompson เป็นอย่างมาก ลูกค้าก็ตอบสนองมากขึ้นด้วย และก็ได้ลูกค้ากลุ่มคนใหม่ๆ มากขึ้นด้วย เช่นลูกค้าคนไทย ซึ่งอาจเคยเป็นส่วนน้อยของ Jim Thompson ก็มาซื้อสินค้าในร้านมากขึ้นด้วย ก็คิดว่าใน 12 ปีที่ผ่านมาของสยามพารากอน ปีนี้เองก็เป็นปีที่สำคัญที่สุดของ Jim Thompson ด้วยเช่นเดียวกัน

และที่สำคัญก็คือเรามีร้าน Bombyx by Jim Thompson มีอีกร้านหนึ่งเกิดขึ้นที่นี่ด้วยค่ะ ซึ่งร้านนี้เปิดไปเมื่อประมาณต้นมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยจะเป็นร้านแบบ Pop-Up Restaurant นะคะ ชื่อ Bombyx นี้แปลว่าหนอนผีเสื้อนะคะ จากตัวไหมแล้วก็จะเป็นหนอนผีเสื้อ จะเป็นร้านที่ทำงานร่วมกับศิลปิน โดยความตั้งใจของเรา คือการทำให้ร้านมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไป เป็นการทำงานร่วมกับศิลปินต่างๆ ซึ่งในปีหนึ่งเราจะเปลี่ยนการตกแต่งไปเรื่อยๆ จากศิลปินแต่ละท่าน สำหรับในปีนี้ เป็นผลงานของอาจารย์อิทธิพล ตั้งฉโลก เราได้เอาผลงานของอาจารย์มาประดับตกแต่งภายในร้าน บรรายากาศก็จะเหมือนแกลอรี่ไปด้วย ปีหน้าก็จะเปลี่ยนเป็นศิลปินท่านอื่นไป ซึ่งเป็นความท้าทายของเรามากจริงๆ ที่ร้านอาหารของเราอยู่ชั้นนี้ แต่ว่าก็คิดว่าอยู่ติดกับร้านของเรา Traffic ส่วนหนึ่งก็มาจากร้านของเรา ก็ถือว่าปีนี้เป็นปีที่พิเศษของ Jim Thompson มากจริงๆ ค่ะ”





การเปิดแฟล็กซ์ชิปสโตร์ที่สยามพารากอนเป็นแห่งแรก รวมทั้งยังมีการเปิดร้านอาหารใหม่ Bombyx ขึ้นที่นี่เช่นเดียวกัน ความประทับใจอะไรที่ทำให้ Jim Thompson เลือกที่จะอยู่เคียงข้างสยามพารากอนตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา เปรียบเสมือนเพื่อนที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ผ่านทุกเหตุการณ์สำคัญๆ มาด้วยกัน

“จะเห็นว่า Jim Thompson และ สยามพารากอนนั้นอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปีแรกที่สยามพารากอนเปิดนะคะ และเราก็อยู่ด้วยกันมาทุกเหตุการณ์จริงๆ ซึ่งใน 12 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเยอะมาก หลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องต่างๆ ที่สยามพารากอนเองก็ต้องอยู่ในส่วนที่ต้องผ่านเหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างมา ระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้โปรไฟล์ของลูกค้า Jim Thompson เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน จากที่เมื่อก่อนนั้นจะเป็นคนญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันก็มีคนจีนมากขึ้น และมีคนญี่ปุ่นกลับเพิ่มเข้ามา ความประทับใจที่มีต่อสยามพารากอนนั้น คงเป็นเรื่องของการที่สามารถรองรับลูกค้าทั้งสองกลุ่มของ Jim Thompson ได้เป็นอย่างดี ส่วนแรกคือนักท่องเที่ยวอย่างที่บอกไปว่าครึ่งหนึ่งของลูกค้าเดินไปเดินมาที่สยามพารากอน ส่วนที่สองก็คือคนไทย และเราก็อยู่ชั้น M ก็ต้องขอบคุณลูกค้ามากๆ ที่พอลงจากรถไฟฟ้าแล้วเดินมาสุดทางของชั้น M มาที่ร้าน Jim Thompson ของเรา”



สุดท้ายนี้ ด้วยความที่อีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลความสุขที่ทุกคนต่างรอคอยกันแล้ว เชื่อว่าบรรดาลูกค้าไทยและต่างประเทศ น่าจะกำลังมองหาของขวัญสำหรับเทศกาลพิเศษนี้กันอยู่ไม่น้อย ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ทางแบรนด์ได้เตรียมอะไรพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญบ้างคะ?

“เราเตรียมสินค้าที่ทำมาเพื่อช่วงนี้โดยเฉพาะที่เรียกว่า Holiday Collection นะคะ ก็มีจำหน่ายตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายนจนถึงกุมภาพันธ์ ก็เป็นช่วง Holiday จริงๆ เพราะทำมาตั้งแต่เพื่อช่วงคริสต์มาส ปีใหม่ จนกระทั่งตรุษจีน ปีใหม่ของคนจีนด้วยเช่นกัน จะมีเฉพาะแค่ช่วงนี้เท่านั้น ก็อยากจะเชิญชวนให้กลุ่มลูกค้าของ Jim Thompson ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาดู สินค้าก็จะเป็นพวก Gift items จริงๆ เพื่อที่ทุกคนจะได้สามารถซื้อไปฝากคนอื่นเป็นของขวัญได้ และแพคเกจก็เป็นแพคเกจใหม่ เป็นลิมิเตด อิดิชั่นที่จะเกิดขึ้นแค่ช่วงนี้เท่านั้นและจะขายแค่บางร้านของ Jim Thompson ด้วยนะคะ ก็จะมีทั้ง Ready to Wear และ Accessories สีของคอลเลคชั่นนี้ก็จะออกสีโทนม่วงๆ ชมพู แต่แน่นอนว่าที่สยามพารากอนมีค่ะ ”




หากอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินช้อปปิ้งสินค้าจากผ้าไหมไทยของแบรนด์ Jim Thompson หรือมองหาสินค้าสำหรับซื้อเป็นของขวัญต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยโดดเด่นและทันสมัยแล้วล่ะก็ เชื่อว่าแฟล็กซ์ชิปสโตร์ Jim Thompson แห่งแรกที่สยามพารากอน ชั้น M นั้น จะตอบโจทย์ความต้องการ รวมทั้งสร้างความประทับใจให้กับทุกคนได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาได้เป็นอย่างดี