สยามพารากอนนำเสนอนาฬิาหรูคอลเลคชั่นใหม่หาชมยากมาให้สัมผัสที่แรกก่อนใคร
สยามพารากอน ตอกย้ำ “Luxury Watch Destination” ศูนย์รวมแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลกที่มากที่สุดในประเทศไทย หมุดหมายสำคัญของเหล่านักสะสมและผู้หลงใหลในประดิษฐกรรมแห่งเรือนเวลา
เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สยามพารากอน ตอกย้ำความเป็น “Luxury Watch Destination” ศูนย์รวมแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลกที่มากที่สุดในประเทศไทย นำเสนอประดิษฐกรรมแห่งเรือนเวลาจากแบรนด์นาฬิกาที่มากด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเก่าแก่ของโลก รวมถึงแบรนด์ไฮไลท์ชั้นนำที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์สุดพิเศษระดับ World Class Experience พร้อมเป็นหมุดหมายสำคัญที่เหล่านักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาต่างต้องมาเยือนกับหลากหลายแบรนด์นาฬิการะดับไฮเอนด์ ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์เหนือระดับ ครอบคลุมพื้นที่ในโซนลักซ์ชัวรี่ และโซน LUXE HALL ชั้น M สยามพารากอน
โดยในครั้งนี้ สยามพารากอน ได้หยิบยกเรือนเวลาจากแบรนด์ชั้นนำที่ส่งตรงจากงานยิ่งใหญ่ประจำปีแห่งวงการนาฬิการะดับโลก Watches and Wonders 2024 ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยเรือนเวลาคอลเลคชั่นไฮไลท์หาชมได้ยากมาให้สัมผัสที่แรกก่อนใคร
เริ่มต้นด้วย “Jaeger-LeCoultre” แบรนด์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลงาน จากงาน Watches and Wonders 2024 ที่ผ่านมา Jaeger-LeCoultre ได้นำความภาคภูมิใจของแบรนด์กลับมาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกาใหม่ที่มีกลไกอันน่าทึ่ง ซับซ้อน และประณีต กับคอลเลคชั่น Duometre ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาพก “Savonette” ในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยในปีนี้แบรนด์ได้พัฒนาต่อยอดให้กับผลงาน Duometre ใหม่ ที่มีพื้นฐานพัฒนาจากแนวคิดที่มีความโดดเด่น และเป็นจิตวิญญาณของแบรนด์ Jaeger-LeCoultre ตลอดระยะเวลากว่าเกือบ 200 ปี ในด้านการแสดงเวลาที่มีความแม่นยำสูง มาพร้อมตัวเรือนดีไซน์ใหม่สวยงาม ทันสมัย Duometre Chronograph Moon ได้นำเอาแนวคิดระบบจับเวลาที่มีความแม่นยำมาใช้ได้อย่างสร้างสรรค์ โดยนำเสนอร่วมกับฟังก์ชันข้างขึ้นข้างแรม ในคาลิเบอร์กลไก 391 ที่ขับเคลื่อนด้วยกระปุกลานคู่สำรองพลังงานได้ถึง 50 ชั่วโมง เพื่อแยกกันทำงานในฟังก์ชันบอกเวลา บอกข้างขึ้นข้างแรม บอกกลางวันกลางคืน และฟังก์ชันจับเวลาที่ละเอียดถึง 1/6 วินาที จับต่อเนื่องได้ 60 นาที นานสูงสุด 12 ชั่วโมง ที่ผ่านการควบคุมแบบ Monopusher ซึ่งถือว่าเป็นการจับเวลาแบบคลาสสิกและเก่าแก่รูปแบบหนึ่งอีกด้วย ปรากฏอยู่ในตัวเรือนขนาด 42.5 มม.ในสองรูปแบบ ได้แก่ ตัวเรือนหน้าปัดแพลตตินัมคู่กับหน้าปัดสีทองแดง และตัวเรือนพิงค์โกลด์คู่กับหน้าปัดสีเงิน
อีกหนึ่งผลงานในคอลเลคชั่นนี้ Duometre Quantieme Lunaire โดยเป็นเรือนเวลา Duometre เรือนแรกที่นำเสนอในตัวเรือนสแตนเลสสตีลที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ร่วมสมัยมากขึ้น ตัวเรือนรูปทรงโค้งมน ซึ่งผ่านการขัดเงาและขัดด้านด้วยเทคนิค Micro Blasted โดดเด่นด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่มีความนูนโค้งรับกับตัวเรือน ดึงดูดสายตาไปกับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้ม รวมถึงยังใช้เม็ดมะยมดีไซน์ใหม่ที่มีรอยหยักลึกทำให้การไขลานมีความแม่นยำรวดเร็วอีกด้วย
อีกหนึ่งแบรนด์ที่นำเสนอผลงานออกมาได้อย่างน่าทึ่ง นั่นก็คือ “PANERAI” นำเสนอ RADIOMIR 1940 MINUTE REPEATER CARILLON TOURBILLON GMT ถือเป็นเรือนเวลาที่มีกลไกซับซ้อนที่สุดเท่าที่ PANERAI ได้เคยสร้างสรรค์ขึ้นมา เพราะมีทั้งกลไก Tourbillon Regulator แบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ และกลไก Double Minute Repeater อันโดดเด่น ที่สามารถบอกเวลาด้วยเสียงระฆังทั้งไทม์โซนหลักและไทม์โซนที่สองได้ สำหรับ RADIOMIR 1940 MINUTE REPEATER CARILLON TOURBILLON GMT นั้น PANERAI ได้พัฒนากลไกอันเป็นหัวใจของเรือนเวลารุ่นนี้ขึ้นใหม่ นั่นคือกลไก P.2005/MR ประกอบด้วยคาลิเบอร์แบบสเกเลตันขึ้นลานด้วยมือ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน Minute Repeater ขั้นสูง ที่มีความสามารถเชิงเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของ Minute Repeater Carillon ของ PANERAI คือฟังก์ชัน repeater ที่สามารถจะบอกเวลาทั้งไทม์โซนหลักและไทม์โซน์ที่สองได้ ซึ่งไทม์โซนที่สองจะแสดงอยู่บนหน้าปัดย่อยข้าง ๆ เข็มทรงลูกศร และหน้าปัดย่อยแสดงเวลาแบบ am/pm (กลางวันและกลางคืน) ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา นอกจากนี้ minute Repeater ของ PANERAI ยังมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างด้วยเสียงระฆังที่จะดังบอกเวลา 10 นาที ต่างจาก minute Repeater แบบดั้งเดิมที่เสียงระฆังจะดังเพื่อบอกเวลา 15 นาที โดยคุณภาพของเสียงจาก minute Repeater เรือนนี้ยังไพเราะขึ้นไปอีกขั้น ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของเรดโกลด์ 18 กะรัต ประกอบตัวเรือน มอบสีสันให้ตัวเรือนดูโดดเด่นหรูหรา
ถัดมาที่ “TAG Heuer” เรือนเวลาแบรนด์หรูที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เผยโฉม TAG Heuer Carrera Chronograph x Porsche 963 เรือนเวลาอันน่าหลงใหลที่เฉลิมฉลองแด่จิตวิญญาณของการแข่งรถอันยาวนานและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี เป็นเรือนเวลาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถ Porsche 963 และได้ยกย่องให้กับชื่อของรถแข่ง ซึ่งผลิตออกมาเพียง 963 เรือนทั่วโลก โดยนาฬิกาแต่ละเรือนได้ผสมผสานความแม่นยำเข้ากับสมรรถนะ และเป็นการยกย่องมรดกทางการแข่งรถของ Porsche และความโดดเด่นด้วยองค์ประกอบอันน่าตื่นเต้นของการแข่งขันอันเป็นตำนาน หน้าปัดย่อยประกอบด้วยบล็อกเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova (SLN) สี่บล็อกที่ผสมผสานวิศวกรรมยานยนต์เข้ากับศาสตร์แห่งการบอกเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบไฟ LED อันล้ำสมัยของ Porsche ที่เป็นเสมือนไอคอนแห่งยุคสมัยใหม่อย่างรถ Porsche 911 ซึ่งในความมืดบล็อกเคลือบสารเรืองแสง SLN บนหน้าปัด พร้อมวันที่เคลือบสารเรืองแสง SLN จะส่องสว่าง โดยดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจากรถ Porsche ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดและการใช้งานจริงของนาฬิกา มอบความมั่นใจในการอ่านค่าได้อย่างชัดเจนในทุกสภาวะ ซึ่งสะท้อนถึงความทนทานอันยาวนานในการแข่งขันตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ “TAG Heuer” นำเสนอ TAG HEUER AQUARACER PROFESSIONAL 300 DATE & GMT และ TAG HEUER CARRERA DATE เป็นสองตัวเรือนที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ปิดท้ายกันที่ “HUBLOT” สะท้อนเอกลักษณ์ The Art of Fusion หรือ ศิลปะแห่งการผสมผสาน ผ่านนาฬิกา Square Bang Unico รุ่นใหม่ 2 แบบ โดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมไอคอนิค เอกลักษณ์เฉพาะของคอลเลคชั่นนี้ โดยรุ่นแรก Square Bang Unico Ceramic Magic Gold มาพร้อมวัสดุตัวเรือนระหว่าง Ceramic กับ Magic Gold 18K ผสมผสานความทนทานและความหรูหราอย่างกลมกลืน ออกแบบอย่างเรียบง่ายเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วน Square Bang Unico Magic Gold ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 200 เรือน นำเสนอความหรูหราผ่านวัสดุ Magic Gold ทั้งเรือน วัสดุชนิดพิเศษที่ทาง Hublot ได้คิดค้นพัฒนาขึ้นภายในโรงงานของตัวเอง ถือเป็นทองคำชนิดแรกและหนึ่งเดียวในโลกที่แข็งแกร่งและทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้จดทะเบียนสิทธิบัตรรับรองจาก Central Office for Precious Metals Control นอกจากนี้ในส่วนของการออกแบบต่างๆ ยังคงดีเอ็นเอของ Hublot ผ่านสกรูรูปตัว H 6 ตัวบนขอบตัวเรือน หน้าปัดสเกเลตัน และบ่าทั้ง 2 ข้างของตัวเรือน พร้อมสายระบบ One Click เพื่อความสะดวกสบายให้สามารถเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายดายเพียงคลิกเดียว
นอกจากนี้ สยามพารากอน ยังคงครองความเป็นอันดับหนึ่ง รวบรวมนาฬิกาแบรนด์ชั้นนำระดับโลกไว้มากที่สุดในประเทศไทยกว่า 43 แบรนด์ ครอบคลุมพื้นที่บริเวณชั้น M ในโซนลักซ์ชัวรี่ และโซน LUXE HALL อาทิ A.Lange & Söhne, Breitling, BULGARI, Cartier, Chopard, Franck Muller, IWC, Omega, Patek Philippe, Piaget, Rolex, Tudor, Vacheron Constantin และ Zenith ไม่เพียงเท่านี้ยังมีบูติกนาฬิกาชั้นนำ อย่าง PMT The Hour Glass ตัวแทนจำหน่ายที่ให้บริการอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมและองค์ความรู้เกี่ยวกับนาฬิกา และ SHH Pendulum ที่คัดสรรเรือนเวลาชั้นสูงจากแบรนด์อิสระสุดหรู หาชมได้ยาก มาให้กับเหล่าคอลเลคเตอร์ได้ยลโฉมกัน เรียกได้ว่าเป็นการมอบประสบการณ์แห่งโลกของเรือนเวลาหรูได้ย่างครอบคลุมที่สุดที่สยามพารากอนที่เดียว
พบกับที่สุดแห่งนวัตกรรมเรือนเวลาจากแบรนด์ดังระดับโลกที่แรกและที่เดียวก่อนใคร ที่สยามพารากอน Luxury Watch Destination โซน Luxury และ Luxe Hall ชั้น M สยามพารากอน